วันจันทร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

วันที่ 3 ของทริป

วันนี้ต้องรีบตื่นแต่เช้าเพื่อไปซื้อข้าวเหนียวหมูทอดเป็นอาหารเช้าและกลางวันไปด้วย
สถานที่แรกในวันนี้ที่พวกเราได้ไปคือ วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม

วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม


เมื่อได้เดินเข้าไปด้านในบริเวณวัด จะเห็นส่วนที่เป็นอุโบสถและวิหารหน้าเจดีย์วัดสุชาดาราม เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของล้านนา มีลานที่ปิดล้อมด้วยกำแพงเตี้ย ช่วยเสริมความโดดเด่นของโบสถ์วิหาร  มีระนาบการซ้อนชั้นหลังคาแบบด้านหน้า2ชั้น ด้านหลัง3ชั้น ช่องกรอบหน้าต่างเป็นไม้ การจัดระเบียบของการเจาะช่องหน้าต่างเป็นไปตาม  step ชั้นหลังคา มีการยกกำแพงทำให้รู้สึกวิหารมีความโปร่งชะลูด ตัวสิงห์งามสง่าตั้งอยู่บนเสาด้านข้างประตูทางเข้าเกิดการยกลอยตัวทำให้รู้สึกไม่กระด้าง ลวดลายของหน้าบรรณนั้นดูสวยงามในการตกแต่ง ซึ่งละเอียดมากๆๆ คัยทวยก็มีการแกะสลักลายได้อย่างสวยงามมาก สวยจริงๆ เป็นที่น่าชื่นชม

ระนาบการซ้อนชั้นหลังคาแบบด้านหน้า2ชั้น ด้านหลัง3ชั้น

จากนั้นก็ไปยังบ้านพื้นถิ่นลำปางที่หมู่บ้านจ๋ง ต.ปาน อ.ปาน เพื่อศึกษาดู space ลานโล่ง กับตัวเรือน

บ้านพื้นถิ่นลำปางที่หมู่บ้านจ๋ง ต.ปาน อ.ปาน


การใช้ประโยชน์ของพื้นที่ใต้ถุนเรือน การมองในแบบวิชวล ความงามของเส้น ระนาบตั้ง-นอนของผนังเรือน และความงามแบบลักษณะพื้นถิ่นของบ้าน


จากนั้นก็เดินทางไปต่อที่วัดข่วงกอม หมู่ที่ 9 ต. แจ้ซ้อน อ.เมืองปาน จ.ลำปาง


วัดข่วงกอม ต.แจ้ซ้อน จ.ลำปาง


เราแวะพักรับประทานอาหารกลางวันกันที่นี่บริเวณโถงทางเดินใกล้ ๆ กับวิหารวัด วัดนี้สร้างโดยการนำสถาปัตยกรรมดั้งเดิมมาประยุกต์
โดยให้อยู่ในสัดส่วนที่ผู้ออกแบบจะให้เป็นไป แข็ง ไม่นุ่มนวลเหมือนวันปงยางคก และวันไหล่หิน อาจจะเป็นเพราะต้องการเวลาที่นะทำให้เส้น form เหล่านั้นทำให้เกิดความนุ่มนวลมีการใช้วัสดุท้องถิ่นเช่นการใช้กระเบื้องไม้ ใช้วิหารคตแบบเก่า กำแพงวัดจะใช้การเรียงหินดูเป็นความงามจากธรรมชาติเสียจริง ส่วนของหลังคาวิหารเป็นระบบแบบล้านนาอีกอย่างหนึ่ง
แต่ไม่ได้เข้าไปดู space ภายใน เพราะวันนี้มีพิธีถวายเทียนพรรษากันอยู่ในอุโบสถวิหารวัด 

ถวายเทียนพรรษา ณ อุโบสถวิหารวัด


ด้านหลังกุฏิถัดออกไปมีบ้านเรือนหมู่ทรงพื้นเมือง มีลานโล่ง มีสวน เลี้ยงสัตว์ มีเล้าหมูด้วยนะ 

บ้านเรือนหมู่ทรงพื้นเมือง

แล้วก็ได้เห็นทุ่งนาที่กว้างขวางมาก

ทุ่งนา


เดินไปบนทุ่งนาทั้ง ๆ ที่แดด ตอนบ่ายร้อนมาก คิดในใจว่าวันนี้คงจะเกรียมแน่ๆ ถึงจะร้อนแต่ก็สนุกดีเหมือนกันนะ ทำให้เกิดความสงสารชาวนาที่ต้องทนทำงานท่ามกลางความร้อนของแดดที่เผาตัวอยู่ทุกวี่วัน  และเดินดูบ้านบริเวณรอบข้างวัดข่วงกอม  จากนั้นก็เดินทางไปยังอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน น้ำพุร้อน ได้ผ่อนคลายความเหนื่อยและร้อนกันที่น้ำตกด้วยความสนุกสนาน

พักผ่อนให้หายเหนื่อย ที่น้ำตก และน้ำพุร้่อน

อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน


 ไปแช่น้ำแร่กันซึ่งเป็นน้ำที่ร้อนมาก ต้องนั่งทำใจอยู่นานกว่าจะฝืนลงไปแช่น้ำที่ร้อนมาก ๆ ได้ เวลาแห้ฃ่งการพักผ่อนนั้นหมดไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นเราก็เดินทางกลับและแวะรับประทานอาหารเย็น วันนี้ได้กินขนมจีนน้ำเงี้ยวรสชาติอร่อยดี ก่อนจะกลับสู่โรงแรม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น